วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

feast Ratchakru : Urban Canteen แห่งใหม่ ที่เน้นความเป็นธรรมชาติและรักสิ่งแวดล้อม ในซอยราชครู (Preview)

ย่านอารีย์ เป็นอีกหนึ่งที่ๆเราจะนึกถึงแหล่งรวมร้านอาหารมากมายหลายชนิด หลากหลายรูปแบบ ที่สามารถไปเพื่อถ่ายรูปชิคๆ หรือผ่อนคลายในวันหยุดสบายๆ หรือเพื่อสังสรรค์กับเพื่อนๆ  แต่ย่านนี้ก็ไม่มีแค่นั้นยังมีส่วนของสำนักงานมากมาย เรียกได้ว่าเป็น CBD ย่อมๆได้เลย

ด้วยความหลากหลายเหล่านี้ ทำให้อารีมีความเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพื่อตอบสนองผู้คนในโซนนี้ และในตอนนี้ก็มีคอมมูนิตี้มอลแห่งใหม่ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อตอบสนองให้กับคนทำงานในย่านนั้น เป็น Urban Canteen ที่ให้บริการอาหารต่างๆ แนวอาหารไทย street food ที่มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับบรรยากาศที่ร่มรื่นของแมกไม้ภายในโครงการ ทำให้สามารถสูดอากาศสดชื่น ในระหว่างทานอาหารได้ครับ

โครงการชื่อ feast = งานเลี้ยง นี่ความหมายดีเหมือนกันนะครับ เพราะบรรยากาศของโครงการก็ให้ความรู้สึกแบบโฮมมี่ๆ เหมือนกินเลี้ยง ปาร์ตี้ด้วยกันหลังบ้าน 

เข้ามาในซอยราชครู 20 - 30 เมตรก็เห็นโครงการทางขวามือแล้วครับ ส่วนที่จอดรถจะต้องไปจอดในซอยตรงข้ามโครงการ พี่ยามจะคอยบอก

บรรยากาศด้านหน้าโครงการ

-

ใครชอบไก่ทอดยามะจัง ก็จะมีมาเปิดนะครับ เร็วๆนี้



ตอนนี้โครงการจะเปิดเป็น soft opening ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ร้านอาหารแบบบาร์หรือนั่งชิว จะยังไม่เปิด แต่ร้าน Street Food ต่างๆ เปิดให้บริการแล้วครับ เรียกได้ว่ามีครบทุกภาคเลย







ส่วนด้านบนยังไม่เปิดให้บริการ





ชมวิวกลางคืนก็สวยไปอีกแบบครับ ติดกับตึกของพฤกษาเลย





มารีวิวอาหารเล็กๆน้อยๆกันบ้างครับ ไว้จะมาอัพเดทเพิ่มเติม
ก่อนจะทานอาหาร อย่าลืมล้างมือให้สะอาดเพื่อป้องกันเชื้อโรคนะครับ มีขวด Iris ของ PASHA ด้วย


แน่นอน มื้อกลางวันของสาวๆ จะขาดลาบส้มตำ ไม่ได้เลย ที่นี้ก็มีร้าน PAO MAYUM ครับ สั่งได้ตามชอบเผ็ดไม่เผ็ด ใส่ปลาร้าหรือไม่ใส่ 




ร้าน Cone Cups ไอศกรีม โฮมเมดหลายรส แต่งทอปปิ้งจากขนมต่างๆมากมาย เย็นๆนุ่มๆครับ



ก็เป็นรีวิวคร่าวๆของ feast Ratchakru ครับ หากท่านใดกำลังหาร้านอาหารทานช่วงกลางวันในย่านนี้ ที่บรรยากาศดีผ่อนคลาย ก็ลองมาเยี่ยมชมและลองทานดูนะครับ

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

RINTARO Gelato สไตล์ญี่ปุ่นสูตรลับเฉพาะตัว ที่ W District พระโขนง

ในโซนสุขุมวิท เป็นที่ทราบกันดีว่าย่านพร้อมพงษ์ ทองหล่อ ถือได้ว่าเป็นโซน Japan Town ที่สามารถหาร้านค้าสไตล์ญี่ปุ่นได้หลากหลายมากมาย ทั้งที่เป็นอาหารหรือร้านอื่นๆ ปัจจุบันรัศมีของโซนชาวญี่ปุ่นก็เริ่มกว้างมากขึ้น ดังนั้นไม่แปลกที่เราจะยังพบร้านญี่ปุ่นต่างๆในโซนเอกมัย รวมไปถึงพระโขนงครับ

วันนี้มาพูดถึงร้านไอศกรีมแบบญี่ปุ่น และยังเป็นสัญชาติญี่ปุ่นด้วย เพราะเป็นของคนญี่ปุ่นเลย ไอศกรีมสไตล์เจลาโต้ ที่มีสูตรเฉพาะตัวที่น่าลิ้มลองกับร้าน Rintaro ครับ

Rintaro เป็นร้านไอศกรีมที่อยู่ใน W District ซึ่งเป็นโครงการที่จะมีความเป็น Streer Art / เบียร์การ์เด้น / รวมไปถึง Roof Top Bar เราสามารถหาอาหารได้หลากหลายรูปแบบได้ในโครงการนี้ ซึ่งทำเลที่ตั้งของโครงการก็อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าพระโขนง ห่างกันไม่เกิน 5 นาที

ตอนที่เจอครั้งแรกก็เดินเล่นดูร้านต่างๆในโครงการแล้วก็มาสะดุดกับร้านไอศกรีมแห่งนี้ ดูรูปแบบและแพทเทิร์นการจัดร้านมันให้อารมณ์ญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ดังๆจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปลองดู



ร้านเปิดช่วงสายๆ และมีปิดพักช่วงกลางวัน แต่ข้อดีคือปิดค่อนข้างดึก คือ 4 ทุ่มครับ (ขออภัยจำเวลาที่แน่ชัดไม่ได้)

ถ้าไปช่วงหัวค่ำ บางทีอาจจะได้เจอคุณเจ้าของร้าน ชื่อคุณชินทาโร่ครับ นิสัยดีมากๆ มาคอยต้อนรับลูกค้า คุณชินทาโร่เล่าเรื่องต่างๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับร้าน ไม่ว่าจะ ที่มาของชื่อ Rin = เย็น Taro เป็นชื่อน้องหมาที่คนนิยมตั้งชื่อ ในญี่ปุ่นเองก็มี Rintaro ที่โตเกียวเช่นกัน ที่นี้มาพูดถึงว่าอะไรที่ทำให้ร้านนี้เด็ดกันครับ

- เวลาเสิร์ฟ จะเสิร์ฟเป็นโคน ทีละ 2 รส พอมีการจับคู่รสกันก็อาจเกิดความเป็นไปได้ของรสชาติใหม่ๆที่ไม่รู้จบ และไม่น่าเบื่อ

- โคนที่เสิร์ฟ จะเป็นโคนทำสดๆเดี๋ยวนั้น กรอบๆนุ่มๆ ไม่แข็งจนเกินไป มีให้เลือกคือ เมเปิ้ล และ ช็อคโกแลต เวลาทำโคนเมเปิ้ล กลิ่นหอมหวานจะอบอวนภายในร้านราวกับมีเวทย์มนต์ ซึ่งโดยปกติยอมรับว่าเวลาทานไอศกรีมจะไม่ค่อยชอบทานโคนเท่าไร แต่สำหรับที่นี่ถือว่าทำโคนออกมาได้ดีมากๆ ไม่ใช่สิ่งที่ไว้สำหรับใส่ไอศกรีม แต่เป็นสิ่งที่สร้างความอร่ยและมีบทไม่แพ้ไอศกรีมเลย

- ใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลทราย ทำให้รสไม่หวานมากเกินไป

- ไอศกรีมจะเปลี่ยนทุกเดือนอย่างน้อย เดือนละ 4 รส ทำให้มีความแปลกใหม่ไม่น่าเบื่อ มาลุ้นกันทุกเดือน

-  วัตถุดิที่นำมาทำไอศกรีม ทางร้านก็คัดสรรอย่างปราณีตเช่นกัน อย่างเช่น ชาเขียว ทางร้านก็เลือกจากไอจิ เพื่อให้แตกต่างจากแหล่งชาเขียวที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเกียวโต หรือชิซุโอกะ

-  มี infused water ให้ทานด้วยเพิ่มความสดชื่นและรักสุขภาพ

-  อันนี้เป็นสิ่งที่สัมผัสได้เอง ถึงการแอบมี Omotenashi หรือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้า แม้ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ซึ่งแอบเห็นได้จากการทำที่รองโคนด้วยทิชชู ติดด้วย Sticker โลโก้ นอกจากสวยงามมีเอกลักษณ์แล้ว ยังเห็นถึงความใส่ใจและปราณีต ตลอดจนคำนึงถึงว่าทิชชูนี้นอกจากจะใช้ช่วยในการจับโคนไม่ให้มือเปื้อนแล้ว ในช่วงคับขันยังอาจจะเอามาใช้เช็ดเวลาเลอะ หรือเช็ดปากได้อีกด้วย เพราะทิชชูทำออกมาค่อนข้างหนาเลยทีเดียว

มาถึงรสชาติที่ได้ลองทาน

* รอยัลมิลค์ที ก็นมๆเข้มๆดี

* นมสด เป็นปุยหิมะนมเบาๆ ไม่หวานจนเกินไป

* ช็อคโกแลตชุมพร เข้มแบบดาร์คช็อคโกแลต เหมาะกับคนชอบทานแนวรสขมเข้มข้น

* บานานาคาราเมล อันนี้คิดว่าน่าจะหวาน แต่ก็หวานกำลังดีครับ เอามาตัดกับชอคโกแลตได้เลย


แอบเห็นทำเลร้านเดิมก่อนจะย้ายมาอยู่ริมถนนครับ ร้านใหม่ทำเลดี หาง่ายเหมาะกับการนั่งเล่นทานไอติมไปมองผู้คนไป

ไอศกรีมร้านนี้ถือว่าเป็นไอศกรีมที่รสชาติดี ไม่หวานจนเกินไป สายสุขภาพอาจจะทานได้ โดยไม่รู้สึกผิดและกลับมาทานได้บ่อยๆ เพราะมีรสใหม่ๆ ให้ได้ลองไม่น่าเบื่อ แถมไม่ไกลจากรถไฟฟ้า เหมาะกับคนกลัวรถติดอีกด้วยครับ  ส่วนราคาจะอยู่ที่ 120 บาท


วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2563

Sindhorn Village : Sindhorn Kempinski, Kimpton Ma-a-Lai ในซอยหลังสวน ไปเมียงมองดูว่ามีอะไรบ้าง

 หลังจากได้รีวิวร้านกาแฟ Craft ไปแล้ว วันนี้มาแชร์ภาพสถาปัตยกรรมและทิวทัศน์สวยๆ ของตึกต่างๆใน Sindhorn Village กันครับ เริ่มต้นเรามาจอดที่ Sindorn Kempinski ขึ้นมาจากลานจอดจะพบล็อบบี้ที่สวยงามและโอ่โถงมาก เพดานโค้งมล เป็นปูนเปลือย ตัดกับกรอบและโครงสีดำ ผสมแสงสีส้มของไฟสปอร์ตไลท์ทำให้ดูอลังการมาก







เมื่อค่อยๆเดินอ้อมส่วนที่กั้นก็จะเผยให้เห็นความสวยงาม โอ่โถงครับ



เมื่อมาตรงกลางจะเห็นเหมือนศาลาสีดำทองที่อยู่ในร่มขนาดใหญ่ สวยงามเหมาะกับการถ่ายรูปอย่างยิ่ง



ซึ่งในโซนล็อบบี้นี้ จะมีบริการ Afternoon Tea ด้วยครับจิบชาไปชมวิวสวยๆไปเพลินๆยามบ่าย 

ออกมาด้านนอกมีวิวป่าเขียวๆกลางเมืองให้ได้ชมและสบายตากับสีเขียว



จาก Sindorn Kempinski ซึ่งจะเป็นตึกที่อยู่ตรงกลาง ยิ่งใหญ่เหมือนเป็นยานอวกาศเลย ด้านขวาจะเป็น Sindhorn Residence ครับ ไปชมความสวยงามของ Public Area ลอยฟ้ากันต่อ





ตึกสูงๆด้านขวาคือ Residence ครับ



ระหว่างทางมีสวนเรขาคณิตด้วย



กลับมามองตึกที่เพิ่งออกมา


มาถึงโถงของ Sindhorn Residence







ขึ้นมาด้านบนจะพบวิวใจกลางเมืองที่สวยมาก






สระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool







แม้ว่าส่วน Public Area ที่มีที่นั่งเล่น สระว่ายน้ำและฟิตเนส จะอยู่สูงมาก แต่ก็ยังไม่ใช้ชั้นบนสุดนะครับ ยังมีชั้นอื่นๆอีกด้วย








แอบแวะมาดูในส่วนของโซนห้องน่้ำซึ่งเป็นไฮไลท์กันครับ :D
มีชุดเรซินสีดำ รุ่น Paino Black จาก PASHA ด้วย เนื่องจากทอปของที่นี่เป็นหินสีอ่อนแต่แววาว การมีวัสดุสีดำวาว ก็จะทำให้สีตัดกันไม่กลืนหาย และไม่น่าเบื่อครับ






ส่วนห้องแต่งตัวมีล็อคเกอร์และซาวน่าแบบแห้ง รวมไปถึงห้องอาบน้ำครับ



หลังจากชมส่วนกลางของ Residence เราไปชมโรงแรม Kimptom Maa-Lai กันครับ รอบๆโรงแรมเป็น Courtyard เขียวๆสวยงาม






อย่างที่เคยเล่าในรีวิวก่อนหน้า ที่นี่จะเน้นคอนเซป ความเป็นไทยสากล มีของตกแต่งที่สื่อถึงความเป็นพวงมาลัยอยู่ตามจุดต่างๆ








ห้องน้ำล็อบบี้ก็ทำได้สวยแปลกตาครับ



จากล็อบบี้เราขึ้นไปดู Roof Top Bar กันบ้างว่าวิวจะสวยขนาดไหน ชื่อของ Roof Top ที่นี่คือ Bar Yard



ตกแต่งแบบแนวทรอปิเคิล เต็มไปด้วยลิง ไม้เมืองร้อน และสับปะรด
















วิวสวยมาก ยิ่งตอนกลางคืน นั่งไปทานอาหารไปและชมไฟของตึกเพลินไปอีกแบบ


ท้ายสุดมาชมห้องพักซักห้องเป็นไอเดียกันครับ



โทนห้องเป็นสีออกเทาน้ำตาล เรียบง่าย แต่พรมทำเป็นลวดลายเส้นคล้ายตาราง ทำให้ห้องดูมีความน่าสนใจ ตัดกับผนังที่บุผ้าทำให้รู้สึกหรูหราและนุ่มนวล



และก็ไม่ลืมตกแต่งด้วยวัสดุที่แฝงกลิ่นไอความเป็นไทยแบบร่วมสมัยเอาไว้



มาดูห้องน้ำกันบ้างครับ ตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว ก็ดูเรียบง่าย แต่ก็แฝงสีสันสดใสเอาไว้ในเครื่องใช้ต่างๆ


โซนฝักบัว





ซื้อคลุมสีสันสดใส เป็นไหมลื่นสบาย



แก้วและที่วางสบู่แบบสีน้ำตาลดินเผา แฝงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม



ท้ายสุดคือขวดเซรามิคสีดินเผาร่วมสมัย และรูปทรงเฉพาะ พิเศษเฉพาะที่นี่จาก PASHA ครับ


ก็เป็นรีวิวคร่าวๆ เพื่อชมจุดต่างๆ ของ Sindhorn Village นะครับ เพื่อเป็นไอเดียและเผื่อจะมาใช้บริการกันครับ