วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561

Wang Hinghoi วังหิ่งห้อย ทาน Fine Dining ท่ามกลางป่ากลางเมือง และฝูงหิ่งห้อยที่สวยงาม

ท่ามกลางเมืองใหญ่ กรุงเทพมหานครของเรา ที่เป็นศูนย์รวมความเจริญและศูนย์กลางการค้าและธุรกิจ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามายังเมืองใหญ่แต่ขนาดเล็กแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย รถติด และมลภาวะต่างๆ

จึงเป็นเรื่องยากมากที่เราจะหาที่ๆ ปราศจากเสียงดัง เสียงรบกวนต่างๆ และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีธรรมชาติสงบๆจนได้เห็นแม้กระทั่ง "หิ่งห้อย" แต่ตอนนี้เราก็มีสถานที่แห่งใหม่ที่ความเป็นตัวเมืองกับธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้แล้วครับ นั่นคือ วังหิ่งห้อย

วังหิ่งห้อย เป็นร้านอาหารแบบ Fine Dining ที่ตกแต่งโทนสีเข้มเรียบง่าย แต่ก็เข้ากันได้กับมวลแมกไม้ที่นำมาปลูกในร้าน ร้านนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างลองมาดูกันครับ

ส่วนทางเข้าจะล้อมรอบไปด้วยสวน ที่มีทั้งไม้ใหญ่และไม้เลื้อย ตลอดจนการนำโครงเหล็กมาใช้ให้ landscape ดูแปลกตาไปอีกแบบ









เดินผ่านสวนมาถึงทางเข้าหน้าร้าน เป็นกำแพงดินใหญ่ 2 ฝั่ง มองเข้าไปแล้วเหมือนทางเข้านี้จะเป็นตัวดูดให้พวกเราไปสู่อีกโลกหนึ่งครับ





ข้างกำแพงมีโลโก้ ของร้านออกแบบได้เก๋มาก


ด้านในก็มีสระน้ำและต้นไม้เช่นกัน





เข้ามาในร้านกันครับ (มาตอนกลางคืน แสงจะสลัวๆ เหมาะกับการชมหิ่งห้อยอย่างยิ่ง) ส่วนแรกเหมาะกับการปรับอิริยาบถครับ เป็นโต๊ะเล็กๆ เก้าอี้สูง เหมาะกับการจิบเครื่องดื่มเย็นๆ และพูดคุยกันระหว่างรอโต๊ะพร้อมครับ บรรยากาศบริเวณนี้เหมือนอยู่ในน้ำ มีปะการังเลย









พื้นก็ใส่ใจรายละเอียด มีแสงระยิบระยับ เหมือนมีหิงห้อย ดวงดาว รึแพลงตอนเรืองแสงในน้ำ



แวะมาเข้าห้องน้ำก่อน เป็นแบบแนว Industrial



ทางร้านมี Welcome Drink ให้เป็น Ginger Ale มีอัญชัญด้วย ดื่มแล้วสดชื่น



นอกจากนี้ก็มีเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม




ก่อนจะไปที่โต๊ะ พนักงานจะเชิญเราไปชมหิ่งห้อยที่ห้องมืดครับ จะเห็นหิ่งห้อยมากมายที่นี่ ซึ่งก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าหิ่งห้อยมีหลายสีครับ และมันจะจับคู่กับตัวที่มีแสงสีเดียวกัน



โต๊ะจัดภาชนะไว้พร้อมรับแขก



มีเมนูอาหารม้วนไว้ด้วยครับ เป็นคอร์สอาหาร ราคา 2,400 ++ 


เริ่มต้นด้วยขนมปังทานเล่น หอมนม ดูแล้วเหมือนก้อนหิน สวยดี




เริ่มต้นที่จากแรก Amuse Bouche = สนุกปาก เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่ทานแล้ว จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดรับรสชาติอาหารครับ โดยจานนี้ประกอบด้วย ทะเลรวม ลาบเหนือ เมี่ยงคำกลีบดอกบัว (หลายคนไม่กล้าทาน แต่ทานได้ อร่อยดี)  ปาเต้ตับไก่ครับ


ตามมาด้วยจานที่ 2 หมูสะเต๊ะครับ แต่มีความแปลกใหม่ตรงที่เป็น Spare Rib หมูสะเต๊ะ เป็นไอเดียที่ดี ไม่เคยเจอซี่โครงหมูสะเต๊ะเท่าไร ทานคู่กับของเคียงบนจานจะได้รสชาติเหมือนหมูสะเต๊ะจิ้มน้ำจิ้มครับ จานนี้สร้างสรรค์ดี


ถัดมาคือต้่นยำกุ้งน้ำข้น ในซุปกุ้งและเนื้อปู มีกุ้งไทเกอร์พรอนตัวใหญ่ให้ทานด้วย ตัวกุ้งย่างมีกลิ่นหอมควันไฟ ต้มยำมีความข้นเหมือนน้ำซุป อรอ่ยไม่แพ้ ลอบสเตอร์บิส



ทานรสชาติเข้มข้นมา 2 จาน ตอนนี้มาล้างปากกันด้วยยำส้มโอครับ


ล้างอีกรอบ และเรียกย้ำย่อยด้วย ซอเบต์ ราสเบอร์รี่แก้วมังกร จานนี้ความเปรี้ยวของซอเบต์อาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับ เสาวรส  ราสเบอร์รี่เพียวๆ แต่ถ้ามองว่าเป็นรสชาติใหม่ก็พอได้ 


ทีนี้มาถึงจานพระเอกครับ โดยสามารถเลือกได้ 1 จาน จาก 3 เมนู ดังนี้

1. แกงเผ็ดเป็ดย่าง คล้ายๆ Duck Confit ของฝรั่งเศส แต่ซอสเป็นแกงเผ็ดเป็ดย่างครับ



2. เนื้อจิ้มแจ่ว เพิ่ม 900++ ครับ



3. ปลากระพงย่าง อันนี้รสชาติเหมือนอาหารฝรั่ง หนังกรอบเนื้อนุ่ม


หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็มีขนมเสิร์ฟให้ ขนมเคลือบด้วยไวท์ชอคครับ ข้างในน่าจะเป็นขนมไทย ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร แต่ทานแล้วเพลินดี อันนี้แปลกใหม่ครับ


ระหว่างเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร ที่มีไอเดียแปลกใหม่ ก็อย่าลืมชิ่นชมกับบรรดาหิ่งห้อย ที่อยู่ใกล้กับเรามากๆ เพียงแค่กระจกใสกั้นกันนะครับ บรรยากาศธรรมชาติในเมืองที่มีหิ้งห้อยให้ชอบ ไม่ได้หาได้บ่อยๆ

สำหรับรีวิวร้าน วังหิ่งห้อย ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้  

ทราบว่าตอนนี้ทางร้านยังเป็น Soft Opening  อยู่ ช่วงเวลาเปิดน่าจะเป็นช่วงมื้อเย็นครับ
ตัวร้านตั้งอยู่บนถนนเลียบทางรถไฟ แถว RCA ครับ

รายละเอียดเพิ่มเติม ติดตามได้จาก เพจ  https://www.facebook.com/WangHingHoi/
โทร 091-9796226