ถ้าพูดถึง "เขียวไข่กา" หลายๆคนก็คงนึกถึงชื่อถนนในย่านดุสิต แต่หากพิจารณาให้ลึกซึ้งลงไปถึงความหมายของคำ ก็คงคิดต่อไปถึงเรื่องของ "สี" แล้วสีเขียวไข่กา เป็นอย่างไร ? ไข่กามันมีสีเขียวหรือไม่ ? บางคนก็น่าจะมีคำถามในใจนเรื่องเหล่านี้ ผูู้เขียนเองก็สงสัยเช่นกัน ว่าสีเขียวไข่กา เป็นอย่างไร และไข่กามีสีเขียวหรือไม่ ก็เลยลองไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมดู ก็พบว่ามีไข่นก ที่มีสีเขียวจริงๆด้วย !!
ภาพประกอบจาก https://www.facebook.com/pg/FreedomAlbum/photos/?tab=album&album_id=471213419660350 ครับ สามารถเข้าไปชมบทความที่น่าสนใจได้
ดังนั้น ความหมายของ เขียวไข่กา จึงเป็นสีเขียวหม่นๆ อมคราม พบได้บนเครื่องปั้นดินเผา สังคโลก สมัยสุโขทัยครับ อิงตาม พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542
ในรีวิวนี้เราจะมีรีีวิว ร้านอาหาร "เขียวไข่กา" ซึ่งหลังจากได้ยินคำว่าชื่อร้านนี้แล้ว ก็ชวนให้เราขบคิดเรื่องต่างๆ ถึงที่มาที่ไปของคำและชื่อได้เป็นอย่างดี จากชื่อร้านแล้ว ทำให้สามารถเดาแนวทางอาหารได้เลย ว่าต้องเป็นอาหารไทย ซึ่งปัจจุบันเราหาอาหารไทยทานได้ยาก เมื่อเทียบกับอาหารนานาชาติที่มีมากมายในศุนย์การค้าครับ ตัวร้านตั้งอยู่ในซอย นาคนิวาส เ็นร้านที่บรรยากาศสบายๆ มีมุมถ่ายรูปมากมาย โดยมีการตกแต่งที่ผสมผสานยุคใหม่่ ตะวันออกตะวันตกได้เป็นอย่างดี
ตัวร้านเป็นเหมือนเรือนกระจก สีเขียวหม่นตามชื่อร้าน ดูคลาสิคน่าค้นหา ใกล้เคียงกันมีร้านกาแฟ Artisan เพื่อนั่งจิบกาแฟผ่นคลายในวันเบาๆ หรือเพื่อรอคิวของร้านที่ได้รับความนิยม ซึ่งตอนนี้มาก็มีแขกมาใช้บริการเยอะครับ เลยต้องไปนั่งจิบกาแฟที่ Artisan เช่นกัน
ชื่อร้านกาแฟ ในความคิดรู้สึกว่ามันช่างสอดคล้องกับร้านเขียวไข่กา เหลือเกิน เพราะมันสื่อถึงความเป็นช่างศิลป์ ความละเมียดละไม ในขณะที่ เขียวไข่กา ก็เหมือนงานศิลป์อันทรงคุณค่าและมีประวัติอันยาวนาน
ส่วนตรงกลางเป็นสวนย่อมๆ
ฝั่งร้าน Artisan ก็เป็นเรือนกระจก
แม้แต่ศาลพระภูมิ ก็ยังคง Concept เรือนกระจกเช่นกัน
เมื่อเข้าไปในร้านกาแฟ ก็พบการตกแต่งน่ารักๆ กลิ่นไอยุโรป
ตัวร้านเป็นเรือนกระจกเช่นกัน มองออกไปเห็นร้านเขียวไข่กาได้
สั่งเครื่องดื่มมาดื่มรอ เรียกคิว
มีหนังสือให้อ่าน หรือนำมาเป็นพรอบถ่ายรูปก็ได้
ร้านนี้มี 2 ชั้นครับ ขึ้นไปนั่งข้างบนได้ด้วย
ตรงเพดาน ก็มีของตกแต่งที่น่าสนใจและน่าถ่ายรูป คือ ตู้หนังสือที่ลอยอยู่ในอากาศและปล่อยหนังสือให้ร่วงลงมา เป็นไอเดียการตกแต่งที่ดีมากๆ
นอกร้านก็มีสวนเล็กๆและมุมให้ถ่ายภาพฆ่าเวลามากมาย
มุมน้ำพุและเก้าอี้ เหมือนอยู่เมืองนอกเลย
ด้านในสุดเป็นห้องน้ำ โทนสีขาว และต้นไม้เขียวสบายตา
ได้คิวแล้วก็ไปที่โต๊ะ ของเขียวไข่กากัน ภายในร้านก็ตกแต่งด้วยโทนสีเขียวหม่นอมครามเหมือนชื่อร้าน มีต้นไม้ตกแต่งสบายตา
มีผูงปลาตะเพียนด้วย สื่อถึงความเป็นไทยมากๆ
ในที่สุดก็มาถึงโต๊ะ และเริ่มต้นมื้ออาหารไทยกันครับ
มีปุ่มกดเรียกพนักงานด้วย
เมนูที่น่าสนใจ
สำหรับคราวนี้มีเมนูที่ได้ลองทานและมาแชร์ดังนี้ครับ
1. แตงโมกับปลาแห้ง เมนูโบราณที่รุ่นผู้ใหญ่หน่อยน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เมนูที่เมื่อหลายคนได้ยินอาจจะรู้สึกว่ากินแล้วมันจะเข้ากันเหรอ แต่เมื่อได้ลองก็จะพบว่ามันเข้ากันได้อย่างดี เป็นเมนูที่เรียบง่าย แต่เป็นของว่างที่ดี
ม้าฮ่อ อีกเมนูของว่างที่หาทานได้ยาก ไส้หมูที่คล้ายๆกับไส้ในสาคูไส้หมู วางบนผลไม้เปรี้ยวๆ เช่น สับปะรด ทำให้ได้รสกลมกล่อม ทานแล้วเพลินดี ความหวานของไส้หมูตัดกับรสเปรี้ยวนิดๆของสับปะรดได้เป็นอย่างดี
ข้าวผัดสับปะรด : เมนูที่หาทานได้ยากพอสมควร ข้าวผัดที่มีรสเปรี้ยวอมหวานของสับปะรด ช่วยให้เจริญอาหารได้เป็นอย่างดี
แกงส้มชะอมกุ้ง : คงไม่ต้องอธิบายมากถึงรสชาติ แค่เห็นสีในภาพ น้ำลายก็สอแล้ว เพราะรับรู้ได้ถึงรสเปรี้ยวของแก้งส้ม ควบคู่ไปปกับการเคี้ยวชะอมไข่เพลินๆ
น้ำพริกลงเรือ : อาหารประจำชาติที่ดีต่อสุขภาพของพวกเรา
ไข่เจียวปู : ไข่เจียวชิ้นใหญ่ อุุดมไปด้วยเนื้อูจำนวนมาก เหมาะที่จะทานกันหลายๆคน ไม่งั้นอาจทานไม่หมด
ตบท้ายด้วย ไข่พะโล้ สูตรโบราณ ไข่ที่นุ่มกำลังดี และน้ำพะโล้ที่มีความหวานกลมกกล่อม (หากใครชอบหวานหน่อย น่าจะชอบสูตรี้มากๆ) เหมาะทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ
สำหรับเมนูอาหารที่นำมาแชร์ก็มีระมาณนี้ครับ โดยรวมแล้วเขียวไข่กา เป็นร้านอาหารไทย ทียังคงรสชาติต้นตำรับไว้ได้ และที่นี่เราก็ยังมีโอกาสทานเมนูที่หาทานได้ยากในปัจจุบัันอีกด้วย
ใครผ่านไปแแถว นาคนิวาส หรือเลียบทางด่วนเอกมัย รามอินทรา ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านที่น่าสนใจครับ