ด้านหน้าของต้นล็อบบี้ จะมีต้นไม้สีทองใหญ่ๆ ถ้าเราเข้าไปดูใกล้ๆ จะเห็นว่าแต่ละกิ่งก้านถูกสลักเป็นเรื่องราวและวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นในแถบนี้ครับ
ผนังเอากระเบื้องมาต่อกันเป็นชื่อโรงแรมครับ
มีภาพตรงฝาผนังเป็นรูปปลาเสือที่พบได้ และเป็นหนึึ่งในวิถีชีวิตริมน้ำที่ขาดไม่ได้
การตกแต่งของที่นี่เน้นความเรียบง่าย แต่ก็มีการผสมผสานกลิ่นไอท้องถิ่นได้อย่างลงตัว เห็นการใช้ไม้ระแนงในมุมต่างๆ แล้วก็ดูเพลินตาดี เมื่อมีแสงตกกระทบลงมาครับ
แวะมาเข้าห้องน้ำก็มีขวดของเราครับ
กลับมาส่วน Lobby ซักครู่ เป็นแนวเพดานสูง ซึ่งในยามบ่ายก็มีเงาน้ำจากสระด้านนอกสะท้อนเข้ามา
Welcome Drink : เป็นอัญชัญมะนาว และกล้วยตาก ทานแล้วสดชื่น
หลังดื่มน้ำแล้วก็ไปชมห้องพักกันครับ ระหว่างทางจะผ่านแผนที่สถานท่องเที่ยงที่น่าสนใจในเขตราชบุรี สมุทรสงครามกันครับ ถือว่าสามารถใช้เป็นไกด์นำทางเพื่อท่องเที่ยวได้ดีทีเดียวครับ
เข้ามาในส่วนที่พักแล้วครับ โดยที่พักที่นี่มี 2 ส่วนคือส่วนที่เป็นตึกกับส่วนวิลล่าที่อยู่ริมแม่น้ำครับ
ในส่วนตึก จะมีความเป็น Urban หรือกลิ่นไอความเป็นเมืองผสมอยู่ ไม้ระแนงที่มาเรียงก็ทำให้เกิดมุมมองและมิติของแสงที่น่าสนใจครับ
เริ่มที่ห้องแรก Deluxe มีสระอยู่หน้าห้อง
ในห้องก็มีขวดของ PASHA ครับ พร้อมทั้งมีคำอธิบายวิธีการใช้น่ารักมาก
ไม้ระแนงขั้นบันไดทุกชั้น ช่วยดึงความสนใจได้เสมอครับ
มาอีกชั้น มองไฟบนเพดานก็น่าสนใจไม่แพ้กับพื้น เพราะเรียงกันเหมือนสายน้ำ นำทางไปสู่ห้องครับ
ชั้นบนเป็น Junior Suite
ห้อง Two Bedroom ก็มีเช่นกันนะครับ เหมาะมากสำหรับมากันเป็นครอบครัว
ห้องนอนจะอยู่คนละฝั่ง คั่นด้วยพื้นที่ส่วนกลาง ถือว่าเป็นส่วนตัวดีมาก
ทุกห้องจะมองเห็นวิว ริมน้ำ
ภาพริมน้ำ มองจากห้อง สงบสวยงามดี
ห้องน้ำก็ยังมีความเป็น Modern
ออกจากโซนตึก มาโซนวิลล่าริมน้ำ ที่ให้ความรู้สึกออกจากส่วนโซนเมือง ไปสู่โซนธรรมชาติตากอากาศ
บริเวณทางเดิน เป็นลวดลายเหมือนวงน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินท่ามกลางสายฝน
เข้ามาด้านในหลังคาไม้สวยงาม
ออกมาจะเจอต้นพลับ ซึ่งตั้งแต่เปิดรีสอร์ทมายังไม่ออกลูกเลย ทางทีมงานบอกว่าถ้าใครมองเห็นด้าย 3 สี บนต้นพลับ เป็นคนมีบุญ ลองเพ่งกันดูครับ แต่ก็มองไม่เห็นเหมือนกัน
สระในพูลวิลล่าเป็นสระเกลือ แช่ไปช่วงเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้นน่าจะมีความสุขมากๆครับ พูดถึงช่วงพระอาทิตย์ขึ้น มีอีกเรื่องที่น่าทำในช่วงเช้า คือ การตักบาตรครับ แขกสามารถตักบาตรได้แบบวิถีไทยโบราณ เพราะพระท่านจะพายเรือรับบาตรครับ สามารถไปใส่ได้ที่ท่าน้ำ
ในส่วนริมน้ำก็มีทั้งอาหาร และเครื่องดื่มคอยบริกการเช่นกันครับ หลังจากเดินชมห้องต่างๆช่วงบ่าย ก็็เริ่มกระหาย หาเครื่องดื่มเย็นๆ และพักซักครู่
ในรายการเครื่องดื่ม ก็จะมีเมนูเฉพาะของทางร้าน ให้ได้ลองชิมด้วยครับ
บรรยากาศ เป็นในห้องอาหาร เป็นทรงโดมเหมือนกระโจม ตกแต่งโทนไม้ และสีขาว ผสมผสานกับภาพวาดสีฟ้า คล้ายๆโทนลายครามสวยงาม ด้านบนมีโคมไฟงานสาน เป็นการผสมผสานความโมเดิร์นกับท้องถิ่นได้อย่างลงตัว
สั่งมา 1 แก้วครับ Americano ส้มแก้วเย็น ซึ่งก่อนหน้านี้ น่าจะเคยเห็นกระแส ที่มีการสั่ง Shot Espresso ใส่ใน Orangina ที่ Starbucks กันมาบ้างแล้ว สำหรับของ Starbucks อาจจะมีความซ่า แต่สำหรับที่นี่แม้ไม่ซ่า แต่มีความหวานอมเปรี้ยวสดชื่นของส้มแก้ว ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นหายเหนื่อย และหาจากที่อื่นได้ยากครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น