ฮอกไกโด อาณาจักรแห่งอาหาร : Hokkaido, The kingdom of food ตอน 4 Sapporo (ซัปโปโร)

Sapporo ถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงของเกาะฮอกไกโดครับ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆไม่แพ้โตเกียวเลย มีรถไฟใต้ดินด้วยเช่นกัน เพียงแต่ที่นี่จะน่าอยู่กว่าเพราะคนไม่หนาแน่น ต้องเบียดเสียดยัดเยียดกันขึ้นเหมือนโตเกียว  ระยะเวลาที่รถไฟใต้ดินเปิดนั้นก็คล้ายๆกับรถไฟใต้ดินทั่วไป คือประมาณตี5 ถึงเที่ยงคืน

เมื่อมาถึงซัปโปโร Landmark ที่ไม่ควรพลาดและต้องแวะมาคือถนนซึซึกิโนะ (Susukino) ครับ ถ้าไปโอซาก้าต้องถ่ายคู่กับคนวิ่งเข้าเส้นชัยของกูลิโกะ Glico ที่โดทงโบริ  มาซัปโปโรก็ต้องมาถ่ายคู่กับป้ายโฆษณาเบียร์ Nikka ที่ถนนซึซึกิโนะครับ โดยป้ายโฆษณาจะเป็นรูปชายชาวตะวันตกถือเบียร์ครับ ป้ายนี้ฉากหลังจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ถนนสายเป็นถนนที่การท่องเที่ยวญี่ปุ่นมักนำภาพไปใช้ในการ PR การท่องเที่ยว ลองเข้า google และพิมพ์คำว่า susukino สิครับ จะเห็นป้ายนี้แทบจะทั้งจอเลย ถนนสานนี้เป็นทั้งถนนสายชอปปิ้งและเที่ยวกลางคืน จึงสามารถเดินได้เกือบตลอดทั้งวันนะครับ

แบบมุมกว้างๆบ้างครับ

อันนี้เป็นทิวทัศน์ของซัปโปโรในมุมสูง

สำหรับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในภูมิภาคฮอกไกโด ก็คือศาลเจ้าฮอกไกโด เป้นศาลเจ้าแบบชินโต แม้จะไม่เก่าแก่เท่าฝั่งคันโต แต่ก็เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนที่นี่ครับ ศาลเจ้าจะใช้ไม้ในการก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่

ดูจากภาพ บริเวณสีขาวที่เหมือนผ้าม่านไกลๆ จะมีสัญลักษณ์คล้ายๆดอกไม้ นั่นคือ สัญลักษณ์ดอกเบญจมาศครับ ซึ่งถือเป็นตราลัญจกรขององค์จักพรรดิครับ แปลว่าศาลเจ้าแห่งนี้องค์จักรพรรดิทรงเป็นผู้อุปถัมป์ คล้ายๆกับเมืองไทย ที่วัดหลวงในหลวงของเราเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก

สถานที่ทัดมาคือหอนาฬิกา ครับสร้างมานานแล้ว หลายๆคนอาจจะแค่ถ่ายรูปด้านนอก ไม่ได้เข้าไป เลยเอารูปมาให้ดูกัน

ชั้นล่างจะเป็นนิทรรศการบอกเล่าความเป็นมา และให้ดูชิ้นส่วนเก่าๆ ของหอนาฬิกาครับ

ขึ้นมาด้านบนจะเห็นโครงสร้างของหอนาฬิกา ตลอดจนกลไกต่างๆของนาฬิกา

ส่วนยอดของหอนาฬิกาขึ้นไปไม่ได้ครับ ไปได้แค่นี้

ร้านบุฟเฟ่ต์ที่คนนิยมไปคือ Nanda ครับ เพราะมีของให้เลือกมากมาย ทั้งปิ้งย่างและซูชิ มีปู 3 ชนิดที่ใครมาฮอกไกโดต้องลองทานคือ ปูขน ปูหิมะ และปูยักษ์ครับ ด้านหน้ามีภาพมังกร

 

ศาลาว่าการเมืองซัปโปโร เป็นอาคารอิฐสีแดงครับ มีเรื่องที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ เนื่องจากญี่ปุ่นปิดประเทศมาตลดจนกระทั่งหมดสงครามโลก ช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ไทยเรามีการใช้อิฐตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว  กลับมาเข้าเรื่องศาลาว่าการครับ ศาลาว่าการจะมีสัญลักษณ์รูปดาวสีแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโรครับ  ภายในยังคงบรรยากาศของศาลาว่าการเอาไว้ แต่เปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชมนิทรรศการเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนฮอกไกโด และยังมีศูนย์แนะนำนักท่องเที่ยวด้วยครับ ใครอยากทราบสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมสามารถปรึกษาพนักงานที่นี่ได้ คนญี่ปุ่นเป็นมิตรมากครับ

แวะร้าน Kaisen Don Ya ไม่ได้ทานด้ง แต่มาทานปิ้งย่างครับ อันนี้ไม่มีอะไรโดดเด่นเป้นพิเศษ แค่อยากจะเล่าว่า Hokkaido Cola อร่อยมาก ชอบมากครับ มีความหอมกว่าน้ำดำทั่วไป ถ้าใครชอบแนว RC Cola จะต้องชอบแน่ๆ

ซัปโปโรก็มีหอคอนคล้ายๆ Tokyo Tower เหมือนกันครับ เป็นหอคอยสถานีโทรทัศน์ครับ สามารถเข้าชมได้ เปิดถึง 22.00 น. เลย ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยงามครับ

บรรยากาศเมืองครับ มีตึกที่ดูแปลกตาด้วย รถแท๊กซี่ก็มีให้นั่ง แต่ราคาแพงครับ เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าแท๊กซี่แพงมากจริงๆ

อีกที่คือพิพิธภัณฑ์โรงเบียร์ซัปโปโร มีสัญลักษณ์เป็นดาวเหมือนกันครับ เดิมเป็นโรงน้ำตาลมาก่อน เป็นอาคารที่สวยงาม คลาสิคดี ได้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมด้วยนะครับ ภายในจะเล่าความเป็นมาของการทำเบียร์ที่นี่ โดยมีชาวเยอรมันมาช่วยสอน มีคำกล่าวว่าถ้าคนเยอรมันร่วมมือกับคนญี่ปุ่นเวลาทำงานจะเกิดประสิทธิภาพอย่างมาก เพราะขยันกันทั้งคู่

ต้นมอลล์ วัตถุดิบหลักในการผลิตเบียร์ครับ

เดินชมเสร็จจะมายังส่วน cafe สามารถรับเบียร์หรือ Soft Drink ได้ 1 แก้วครับ

มีพิพิธภัณฑ์ปลาแซลมอนให้เราได้เห็นที่มาที่ไปของแซลมอนที่เราทานกันด้วยครับ

ตัวตึกมีลวดลายแปลกตา เหมือน Art Gallery มากกว่า พอเห็นแบบนี้แล้วต้องยอมรับว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใส่ใจเรื่องรายละเอียดต่างๆ มากจริงๆ

เมื่อซื้อตั๋วเข้าไป จะได้ของที่ระลึก ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับฤดู หากเป็นช่วงฤดูวางไข่ จะได้รับแขกลูกปลาแซลมอนคนละตัว เพื่อให้เราเอาไปปล่อยที่แม่น้ำข้างๆพิพิธภัณฑืเลยครับ แต่ถ้าแซลมอนโตกันหมดแล้ว จะได้เหรียญ 5 เยนแทน เอาเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ เพื่อจะได้โชคดีมีสุขครับ เพราะ คนญี่ปุ่นเรียกว่า โกเอ็นดามะ แปลว่า โชคดี และเชื่อว่าความชั่วรา้ยจะลอดผ่านรูตรงกลางเหรียญออกไปครับ

ภายในจะมีปลาแซลมอนแต่ละช่วงวัยให้ได้ดูกันครับ

ไฮไลท์ที่สุดคือ ส่วนที่ยื่นไปบริเวณแม่น้ำ เจาะหน้าต่างทำให้เห็นว่าในแม่น้ำตอนนี้เป้นอย่างไร และจะเห็นลูกปลาแซลมอนว่ายให้ดูด้วย ในภาพคือเริ่มโตแล้ว

ครับ สำหรับข้อมูลของซัปโปโร คงมีแต่เพียงเท่านี้ จริงๆแล้วยังมีที่ๆน่าไปเยี่ยมเยือนอีกมากมาย หากมีโอกาสจะไปหาข้อมูลมาแบ่งปันกันนะคับ

ฮอกไกโด อาณาจักรแห่งอาหาร : Hokkaido, The kingdom of food ตอน 3 Otaru (โอตารุ)

จากทิวทัศน์ธรรมชาติของฮอกไกโด 2 ตอนที่แล้ว มาตอนนี้ขอพูดเกี่ยวกับเมืองละกันนะครับ ถ้าพูดถึงเมืองในฮอกไกโด โอตารุ จะเป็นเมืองต้นๆที่ทุกคนนึกถึง เพราะเป็นเมืองเล็กๆที่มีความสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอดีตเมืองท่าที่สำคัญ เมืองที่มีซูชิดังมากๆระดับประเทศ ตลอดจนสินค้างานฝีมือต่างๆครับ จากเหตุผลต่างๆที่กล่าวข้างต้น ทำให้โอตารุ เมืองเล็กๆแห่งนี้ กลายเป็นเมืองที่มีสเน่ห์และต้องมาเยี่ยมเยียนครับ


ที่แรกที่ถือเป็น landmark ของเมืองที่ทุกคนต้องมาคือริมคลองโอตารุ มีระยะทาง 1.5 กิโลเมตร จะมีโกดังเก่าดั้งเดิมเลย เป็นแบบสไตล์ยุโรป ที่สร้างตั้งแต่ 1923 เลยครับ หากมีโอกาสมาที่นี่ช่วงฤดูหนาว เดือนกุมภาพันธ์ ในคลองจะมีการลอยโคมในน้ำ เหมือนกระทงด้วยครับ

จากนั้น เราก็จะเดินเล่นในเมือง มีร้านค้าเล็กๆน่ารักมากมาย และมีร้านงานฝีมือให้เลือกดูมากมาย เช่น ร้านเป่าแก้ว

เรือกอนโดร่า ที่ร้านเป่าแก้วครับ มีเครื่องประดับแก้ว และปากกาแก้ว (ห้ามถ่ายภาพ)

จากนั้นมาที่พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ซึ่งมีกล่องดนตรีหลากหลายชนิดให้ดู (และเลือกซื้อ) ด้านหน้าจะมีนาฬิกาไอน้ำ ที่น่าจะเหลือเป็นเรือนสุดท้ายในโลกแล้ว ซึ่งเมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา ได้มอบไว้ให้กับโอตารุ จะตีทุกๆ 15 นาทีครับ

ฝั่งตรงข้ามมีตึกที่มีแมวยักษ์เกาะ

ภายในพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี จัดออกมาน่ารักและสวยงามมาก ดูแล้วเพลินตา

ออกมาจากพิพิธภัณฑ์ ฝั่งตรงข้ามมีร้านขนมที่ดังมากแถบนี้ คือ Le Tao ชีสเค้กของร้านมักเป็นที่นิยม เพราะรสชาติกลมกล่อมไม่หวานจนเกินไป

พุดดิ้งก็อร่อยไม่แพ้กัน

จากนั้นมาเยี่ยมชมโรงงานชอคโกแลต อิชิย่า (Ishiya) ครับ ร้านนี้หลายๆคนน่าจะรู้จัก เพราะมีชอคโกแลตขายในไทย ราคาค่อนข้างแพง แต่ก็อร่อยครับ

ด้านนอกจะเห็นโรงงานนี้เหมือนไม่ใช่โรงงาน เพราะดูเหมือนสวนสนุกมากกว่า และพายนอกถ้าไม่บอกก็ไม่ทราบแน่ๆว่าเป็นโรงงานชอคโกแลต  สถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตกผสมผสานแบบทิวดอร์ครับ

มีบ้านบนต้นไม้ด้วย 

มีแต่มุมน่ารักๆ ให้ถ่ายภาพครับ

ตึกถล่ม เชฟมาช่วยกันดัน มีอารณ์ขันดี

ภายในจะตกแต่งแบบตะวันตก หรูหราเหมือนในวังเลยนะครับ

เข้าไปแล้วจะมีการนำเสนอแบบให้เห็นไลน์การผลิตจริงๆ ควบคู่ไปการเทคนิคการนำเสนอต่างๆ น่าสนใจมากๆ
 
 อันนี้เดินเข้าไปในชอคโกแลตละลาย

มีให้ดูการผลิตในโรงงานด้วย ก็ยังมีการตกแต่งให้น่ารัก

นอกจากการผลิต และเรื่องเกี่ยวกับชอคโกแลตแล้ว ยังมีของสะสมในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ ไปจนถึงของเล่นสมัยต่างๆด้วยครับ เมื่อออกมาจากนิทรรศการ ก็เป็นส่วนของที่ระลึกมีขนมให้เลือกซื้อด้วยครับ แต่แนะนำว่าควรซื้อเฉพาะรสแปลกๆ รสธรรมดาไปซื้อที่สนามบินแทน

 
ชอคโกแลตอร่อยมากๆ เบาๆแต่เข้มข้นมากครับ

ไอศกรีมนมฮอกไกโด ไม่ต้องพูดถึงกิตติศัพท์

ขอจบรีวิวนี้แต่เพียงเท่านี้นะครับ :)