ที่แรกที่ถือเป็น landmark ของเมืองที่ทุกคนต้องมาคือริมคลองโอตารุ มีระยะทาง 1.5 กิโลเมตร จะมีโกดังเก่าดั้งเดิมเลย เป็นแบบสไตล์ยุโรป ที่สร้างตั้งแต่ 1923 เลยครับ หากมีโอกาสมาที่นี่ช่วงฤดูหนาว เดือนกุมภาพันธ์ ในคลองจะมีการลอยโคมในน้ำ เหมือนกระทงด้วยครับ
เรือกอนโดร่า ที่ร้านเป่าแก้วครับ มีเครื่องประดับแก้ว และปากกาแก้ว (ห้ามถ่ายภาพ)
จากนั้นมาที่พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ซึ่งมีกล่องดนตรีหลากหลายชนิดให้ดู (และเลือกซื้อ) ด้านหน้าจะมีนาฬิกาไอน้ำ ที่น่าจะเหลือเป็นเรือนสุดท้ายในโลกแล้ว ซึ่งเมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา ได้มอบไว้ให้กับโอตารุ จะตีทุกๆ 15 นาทีครับ
ฝั่งตรงข้ามมีตึกที่มีแมวยักษ์เกาะ
ภายในพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี จัดออกมาน่ารักและสวยงามมาก ดูแล้วเพลินตา
ออกมาจากพิพิธภัณฑ์ ฝั่งตรงข้ามมีร้านขนมที่ดังมากแถบนี้ คือ Le Tao ชีสเค้กของร้านมักเป็นที่นิยม เพราะรสชาติกลมกล่อมไม่หวานจนเกินไป
พุดดิ้งก็อร่อยไม่แพ้กัน
จากนั้นมาเยี่ยมชมโรงงานชอคโกแลต อิชิย่า (Ishiya) ครับ ร้านนี้หลายๆคนน่าจะรู้จัก เพราะมีชอคโกแลตขายในไทย ราคาค่อนข้างแพง แต่ก็อร่อยครับ
ด้านนอกจะเห็นโรงงานนี้เหมือนไม่ใช่โรงงาน เพราะดูเหมือนสวนสนุกมากกว่า และพายนอกถ้าไม่บอกก็ไม่ทราบแน่ๆว่าเป็นโรงงานชอคโกแลต สถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตกผสมผสานแบบทิวดอร์ครับ
มีบ้านบนต้นไม้ด้วย
มีแต่มุมน่ารักๆ ให้ถ่ายภาพครับ
ตึกถล่ม เชฟมาช่วยกันดัน มีอารณ์ขันดี
ภายในจะตกแต่งแบบตะวันตก หรูหราเหมือนในวังเลยนะครับ
อันนี้เดินเข้าไปในชอคโกแลตละลาย
มีให้ดูการผลิตในโรงงานด้วย ก็ยังมีการตกแต่งให้น่ารัก
นอกจากการผลิต และเรื่องเกี่ยวกับชอคโกแลตแล้ว ยังมีของสะสมในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ ไปจนถึงของเล่นสมัยต่างๆด้วยครับ เมื่อออกมาจากนิทรรศการ ก็เป็นส่วนของที่ระลึกมีขนมให้เลือกซื้อด้วยครับ แต่แนะนำว่าควรซื้อเฉพาะรสแปลกๆ รสธรรมดาไปซื้อที่สนามบินแทน
ชอคโกแลตอร่อยมากๆ เบาๆแต่เข้มข้นมากครับ
ไอศกรีมนมฮอกไกโด ไม่ต้องพูดถึงกิตติศัพท์
ขอจบรีวิวนี้แต่เพียงเท่านี้นะครับ :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น