หลังจากเราพอจะทราบเรื่องเกี่ยวกับมัลดีฟมาบ้างในตอนที่ 1 ในตอนนี้เรามาพูดคุยถึงเรื่องวิถีชีวิตในเมืองมาเล่กันครับ ถ้าพูดถึงมัลดีฟ แน่นอนว่าภาพในใจของใครหลายๆคนนั้นคงเป็น ภาพทะเลสีเทอควอยส์ ฟ้าใส แดดจัดๆ ดำน้ำ ดูปะการัง ไปจนถึงฮันนีมูน ภาพเหล่านั้นคือภาพของเกาะต่างๆของมัลดีฟครับ แต่ไม่น่าจะใช่ภาพของมาเล่ มาเล่เป็นเมืองหลวงของประเทศ ดังนั้นจึงมีความวุ่นวาย และหนาแน่นของประชากรอย่างมาก เมื่อถึงช่วงกลางคืน จะมีรถราและคนเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นช่วงเลิกงานต้องเดินทางกลับบ้าน หรือเดินทางออกจากมาเล่ไปยังเกาะใกล้เคียงกันซึ่งก็มีที่พักอาศัยและค่าของชีพถูกกว่าในมาเล่ ความวุ่นวายเหล่านี้ทำให้ดูมีสีสันน้องๆอินเดียเลยก็ว่าได้ (หลายคนคงเคยได้ยินคนพูดว่า สำหรับคนที่ไปอินเดีย ถ้าไม่เกลียดไปเลยก็จะหลงรักไปเลย มาเล่ก็คงคล้ายๆกัน)
อีกเหตุผลหนึ่งน่าจะมาจากเวลาในการรับประทานอาหารเย็นของมัลวีเดี่ยนนั้นค่อนข้างดึก ประมาณ 2 ทุ่มเป็นต้นไป หลายคนอาจจะออกมาหาอะไรทานตามคาเฟ่ท้องถิ่น ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวก็คงอยากหาที่นั่งชิลยามดึก ไม่ใช่แค่ทานอาหารดึก แต่ยังนอนกันดึกอีกด้วย ช่วงเวลาค่ำจึงเป็นเวลาที่มาเล่คึกคักเป็นอันมาก
สิ่งที่น่าสนใจของมาเล่ คือ "ถนน" ครับ ถนนในมาเล่ ไม่ได้ลาดยางมะตอยเหมือนที่ไทยนะครับ แต่ใช้บลอคตัวหนอนแทน แต่ถ้าเป็นทางเท้าจะใช้บลอคสี่เหลี่ยมดังภาพ แต่ข้อดีที่สัมผัสได้คือรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ก็จะขับช้าครับ ทำให้ไม่ค่อยอันตรายเหมือนถนนบ้านเรา
บรรยากาศของมาเล่ยามค่ำคืน
มีบาจาด้วยนะครับ บนถนนสายหลักของมาเล่
ร้านต่างๆขนาดไม่ใหญ่ครับ ใหญ่สุดเท่าที่เห็นก็ประมาณตึกแถว 3 คูหาเท่านั้นเอง
ตู้เกมบอลก็มีให้เล่นในสถานที่ต่างๆ หลายๆที่ ไม่แพ้โต๊ะสนุ๊กเกอร์ครับ
ถ้าร้านอาหารที่เราคุ้นเคย ก็มี Secret Recipe ครับ ถือว่าร้านค่อนข้างใหญ่เลย
ตึกนี้กำลังปรับปรุงอยู่ ขนาดใหญ่มาก เป็นของเครือทาทาอินเดียครับ
ร้านอาหารบางร้านก็ขนาดเล็กมาก แค่พอมีหน้าต่างไว้สั่งอาหารทาน ร้านนี้คือ Garden Cinnamon เป็น Fast food ครับ
เดินไปเรื่อยๆ มีร้านนึงที่รู้สึกว่าน่าสนใจ ตั้งแต่ป้ายร้านแล้ว ที่เป็นลูกศรดึงความสนใจให้ตามไปดู
ขออนุญาตตัดมาวันรุ่งขึ้น ที่ได้เดินมาอีกครั้ง เพื่อมาดูร้านนี้ครับ
ร้านชื่อ The Goatfish ซึ่งก็คือ ปลาหนวดแพะ หรือปลาหนวดฤาษี นำมาทำเป็นอาหารได้ครับ
ภายในตกแต่งแบบเรียบง่าย พื้นเป็นปูนขัด พอเข้ามาแล้วรู้สึกว่าร้านนี้ดูชิคที่สุดในเมืองแล้วมังครับ เสียดายมาเช้าเกินไปยังไม่ถึงเวลาเสิร์ฟอาหาร จึงได้แต่ดูรอบๆ
มีห้องสำหรับคนสูบบุหรี่ด้วย ไอเดียดีมากและทำให้ร้านดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
กลับมาที่สภาพบ้านเมืองตอนค่ำคืนอีกครั้ง
แก้วโอเชี่ยนกลาสก็มีมาขายที่มาเล่เช่นกัน
ร้านหนังสือก็มีอยู่หลายร้าน กระจายตามจุดต่างๆ ภายในร้านก็มีสินค้าอื่นๆขายด้วยครับ
มาถึงร้านอาหารอีกร้านที่ได้มาลองทานครับ "Symphony" จากที่ได้หาข้อมูลมา บางคนก็บอกว่าเป้นร้านอาหารที่เก่าแก่มากของมาเล่เลยก็ว่าได้ จึงอยากมาลองดู อาหารนานาชาติทั่วไปครับ มีทั้ง indoor และ outdoor นั่งด้านนอกอากาศตอนเย็นก็ไม่ค่อยร้อนนะครับ เพราะเป็นร้อนแบบร้อนแห้ง ไม่เหนียวตัวแบบบ้านเรา
ด้านนอกก็มีสวนแขวนเล็กๆ และโต๊ะสนามให้ทานอาหารกัน
ลวดลายแจกันคล้ายเบญจรงค์นะครับ
มาถึงอาหารกันบ้าง เครื่องดื่มที่สั่ง คือ
- โมฮิโต้ กับ Red Bull คนที่นี่เค้าชอบใส่ Red Bull กันนะครับ รสชาติคล้ายๆโมฮิโต้ตัวไป ดื่มแล้วสดชื่นจากมะนาวและมิ้นท์
- Symphony Special : เครื่องดื่มที่ผสมน้ำผลไม้หลายชนิด มีมะละกอด้วย ก็อร่อยดี เป็นน้ำผลไม้รวม บวกกับไอศครีม
อาหารที่สั่ง คือ ริซอตโต้แบบมัลดีฟ และแกงกะหรี่ปลาทูน่ากินกับจาปาติ รสชาติก็โอเคครับ แต่ไม่หวือหวาอะไรนัก
แต่สิ่งหนึ่งที่ประทับใจร้านนี้ คือ story ที่เค้าเขียนบนเมนูครับ เนื้อหาประมาณนี้ครับ
"ซิมโฟนีเป็นวงดนตรีที่ต้องอาศัยนักดนตรีหลายคนและวาทยากรที่จะนำเพลงอีกคน เพลงที่เล่นนั้นถูกสร้างจากการทำงานที่สอดประสาน ความเข้าใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความทุ่มเท ผู้นำเพลงต้องคอยกระตุ้นและอำนวยเพลงให้ถูกจังหวะ และทำให้ตัวโน้ตแต่ละตัวรวมกันเป็นเพลงที่ไพเราะ พนักงานของร้านเปรียบเสมือนนักดนตรี และผู้บริหารก็เหมือนวาทยากร ที่สรรสร้างเพลงที่ไพเราะขึ้นมา
เพลงของพวกเราสร้างมาจากอาหารของเรา แต่ละจานเปรียบเสมือนตัวโน้ตและท่วงทำนอง เสียงทอดจากกระทะ เสียงหั่นผักที่สดใหม่ เสียงกังวาลของแก้วที่กระทบกัน ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดบรรยากาศของเพลงที่เล่นโดยวงดนตรี และสิ่งที่สำคัญคือ อาหารแต่ละจานทำมากจาก ความหลงใหล ความทุ่มเท และแตกต่างไปตามจังหวะของแต่ละคน
สำหรับนักดนตรี รางวัลที่เขาจะได้รับคือถ้วยรางวัล แต่สำหรับเรา นั่น คือ "ลูกค้า" เพราะเพลงที่เราสร้างสรรค์นี้ขอมอบให้กับคุณ"
หากแปลผิดพลาดขออภัยด้วยนะครับ แต่จากเนื้อหาเบื้องต้น เมื่ออ่านแล้วก็รู้สึกประทับใจ Touching การมี story นี่ทำให้มูลค่าทางความรู้สึกมันมีมากยิ่งขึ้นจริงๆครับ
เปลี่ยนอารมณ์มาคุยเรื่องห้องน้ำกันครับ สำหรับห้องน้ำในร้านก็จะแบ่งชายหญิงปกตื อันนี้คงไม่แปลกอะไร แต่จากที่คุยกันไปในตอนที่แล้วว่ามาเล่นั้นขนาดเล็กเหลือเกิน ทำให้สถานที่บางแห่ง การจัดการพื้นที่ใช้สอยเป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้นสถานที่บางแห่งชายหญิงใช้ห้องน้ำร่วมกันครับ ดังภาพอีกภาพด้านล่าง :D แต่สภาพห้องน้ำก็ถือว่าสะอาดนะครับ แม้ว่าจะใช้ร่วมกัน
สำหรับตอนหน้า จะพูดถึงเกาะที่อยู่ใกล้มาเล่ และอาหารมัลดีฟครับ แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า ขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น