ช่วงนี้กระแสอาหารไทยกำลังมาแรง กอปรกับการเริ่มต้นของการมอบดาวมิชลินให้กับร้านอาหารต่างๆในประเทศไทย ทำให้ร้านอาหาร Fine Dining เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากพูดถึง Fine Dining แล้ว พวกเรามักจะนึกถึงอาหารตะวันตก เช่น ฝรั่งเศส หรืออิตาลี แต่จริงๆแล้วอาหารทุกชาติสามารถทำให้เป็น Fine Dining หรือ Delicacy ได้หมด หากใส่ความตั้งใจและปราณีตลงไป อาหารไทยก็เช่นกันครับ เป็น Fine Dining ได้ไม่ยากเลย เพราะอาหารไทยของเรานั้น มีทั้งความปราณีตบรรจงในการจัดแต่งสำรับอาหาร การคัดสรรวัตถุดิบที่ดีเพื่อให้รสชาติอาหารมีความสลับซับซ้อนและมีประโยชน์ทางยาอีกด้วย แต่สำหรับคนไทยเองพวกเรามักมองว่าสิ่งที่เราทานทุกวันนี้ทั้งในและนอกบ้านก็คืออาหารไทยอยู่แล้ว และราคาอาหารไทยไม่ควรแพง รีวิวนี้จึงอยากนำรูปแบบของอาหารไทยแบบ Fine Dining มาแชร์ให้อ่านกันครับ (ซึ่งรีวิวนี้ข้อมูลอาจจะค่อนข้างนานแล้ว แต่ไม่มีเวลาเขียนเลย ช่วง กค 2561 แต่คงพอเป็นไอเดียได้ครับ) สำหรับร้านที่จะมาแชร์กันในวันนี้ คือร้าน R.HAAN ครับ
ร้านอาหารได้รับการประกาศให้ได้ ดาวมิชลิน 1 ดาว ในปี 2019 เจ้าของคือคุณต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี เครือสิงห์นั่นเองครับ และเชฟที่ดูแลก็คือเชฟชุมพล เชฟกระทะเหล็กนั่นเองครับ Concept ของร้านคือ "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" ซึ่งจะสัมผัสได้จากการตกแต่งในร้านครับ
เมื่อเข้ามาในร้านจะเป็นอุโมงค์โทนสีดำ วาดลายไทยสีขาว
ด้านหน้าก็จะมีรูปปั้น (ไม่แน่ใจว่าคือใคร) พร้อมทั้งโควทของท่าน คือ "เราเป็นคนไทย อาหารเย็น ต้องมีน้ำพริก ผักจิ้มในสำรับอาหาร"
ถัดมาจะเป็นโซฟาให้นั่งรอ มีเครื่องแขวนแบบไทยตกแต่ง พร้อมโลโก้ของร้านครับ
มีที่สำหรับนั่งรอนั่งเล่นพอสมควรเลยครับ พักผ่อนอิริยาบทได้ตามสบาย
ส่วนที่นั่งปกติครับ
มีสวนหย่อมเล็กๆ ให้นั่งเล่นด้วย
ข้างๆกันก็มีโมเดลไม้ แสดงถึงวิธีชีวิตของชุมชนเกษตรกรรม ขยับได้ ดูเพลินๆ
หรือใครอยากจิบเครื่องดื่มเย็นๆรอ ก็สามารถสั่งได้ที่บาร์ครับ
ของว่างหรือกับแกล้มทานกับเครื่องดื่ม
สำหรับใครต้องการความเป็นส่วนตัว มากันหลายท่านก็มีห้อง VIP ครับ ตกแต่งกำแพงเหมือนอยู่บ้านไม้แบบไทยๆ
ในนามีข้าว
พอเห็นภาพบรรยากาศในร้าน และที่นั่งกันคร่าวๆแล้ว มาพูดถึงอาหารกันนะครับ
โดยทางร้านมีอาหารนำเสนอเป็นแบบ สำรับ 3 แบบครับ แต่ละแบบก็จะมีเมนูให้ทราบกันก่อนที่จะสั่ง
เริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มชอตเล็กๆ หวานๆเปรี้ยวๆ จำไม่ได้ว่าเป็นอะไร
ถัดมาเป็นขนมครกครับ เสิร์ฟมาพร้อมครอบแก้ว ยังมีควันอบอวลอยู่เลย เป็นครีมต้มข่าโรยด้วยไข่ปลาคาร์เวียร์ ของโครงการหลวง จะเห็นได้ว่าทางร้านจะพยายามใช้วัตถุดิบภายในประเทศ
ตามด้วยทอดมันปลากรายจากปากน้ำโพ หมี่กรอบชาววัง และขนมจีนน้ำพริกคุณทวดสงวนศรี (เมนูนี่ต้องจดเอาเลยครับกลัวลืมที่มา และแหล่งวัตถุดิบ)
แต่ถ้าบางท่านเป็นมังสวิรัตก็แจ้งก่อนได้ครับ ทางร้านปรับให้ได้
คั่นด้วยข้าวตัง อยู่บนเมล็ดข้าว เป็น Display ที่ดีนะครับ ให้เราด้รู้สึกถึงที่มาของอาหารชนิดนี้ นั่นก็คือข้าวนั่นเอง
ภาชนะที่ใช้เสิร์ฟก็จะให้ความรู้สึกแบบเครื่องเคลือบล้านนา มีความคลาสิคมาก
ต้มยำ
แกงเขียวหวานพริกขี้หนูสวนปิติ
1 ใน Signature คือต้มยำกุ้งร่วมสมัยครับ ใช้วิธีการต้มและ Display เหมือนทำกาแฟ เป็นที่ตื่นเต้นสำหรับแขกอย่างยิ่ง
เมนูที่นำมาให้ชม ถูกปรับเปลี่ยนไปพอสมควรครับ เนื่องจากพาแขกต่างชาติไปทาน บางอย่างอาจจะยังไม่กล้าลอง เช่น ไข่มดแดง แต่ทางร้านก็ช่วยปรับอาหารให้อย่างลงตัว
อีกเรื่อง ที่รู้สึกประทับใจ และไม่นึกว่าจะได้เจอในแบบ ร้าน Fine Dining คือ ทางร้านเสิร์ฟอาหารมาหลายชนิด แต่ก็มีกับข้าวตรงกลางที่สามารถทำให้ทุกคนมาทานร่วมกันได้ อันนี้ให้ความรู้สึกถึงความเป็นไทยมากๆครับ เพราะเวลาเราทานอาหารไทย เรามักทานร่วมกัน แบ่งปันกัน อาหารถึงอร่อยครับ ซึ่งค่อนข้างตอบโจทย์มาก และแขกต่างชาติที่มาก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเราผ่านสำรับนี้
มาที่ของหวาน มีมะกรูดลอยแก้วและขนมไทย จัดมาเหมือน Afternoon Tea
ตบท้ายด้วยข้าวเหนียวมะม่วงภักดี กับไอศกรีมกะทิกระเทาะเปลือก รีบร้อนไปหน่อยเลยแหว่งไปครับ
ก็ครบแล้วนะครับ สำรับที่ได้เคยไปลองทาน ช่วงนี้ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว หากใครกำลังหาอาหารมื้อพิเศษ หรืออาหารไทยที่รสชาติชวนให้คิดถึงอดีต เผื่อจะพาผู้ใหญ่ หรือแขกต่างชาติไปทาน ร้านอาหาร ก็เป็นอีกร้านที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งครับ