มาลองดื่มชากันมั้ยครับ? ทุกคนคงชินกับการดื่มชาเป็นอย่างดี เพราะเรามักจะได้ดื่มชาควบคู่ไปกับอาหารไม่ว่าจะเป็นสุกี้ หรืออาหารญี่ปุ่นต่างๆ ด้วยความเคยชินแบบนี้ หากเจอคำถามว่ามาลองดื่มชากันมั้ย มันคงไม่รู้สึกแปลกอะไร เพราะเป็นสิ่งที่คุ้นเคยอยู่แล้ว แต่ถ้าหากมาลองดื่มชาแบบละเลียดและประณีตล่ะ ? คงไม่ได้ดื่มกันบ่อยๆใช่มั้ยครับ
ได้มีโอกาสผ่านไปแถวเอกมัยอยู่บ่อยๆ และสะดุดตากับร้านริมถนนร้านนึงชื่อ Peace Oriental Teahouse มองแว่บเข้าไปในร้านตอนช่วงรถติดอยู่ ก็รู้สึกว่าร้านนี้น่าสนใจ ด้วยการตกแต่งเป็นไม้สีอ่อนและโทรขาวสว่าง มันให้ความรุ้สึกแบบ Oriental จริงๆ และพอทราบว่าร้านนี้เป็นร้านขายชาก็เลยมาลองซักหน่อย
ร้านแต่งแบบเรียบง่าย แต่ดูดี แนว Minimal เมื่อเข้ามาในร้านจะพบกับประโยคเด็ดของร้าน คือ "Tea for Heart"ครับ มองไปด้านบนของผนังจะเห็นเมนูชาที่มีให้เลือกหลายชนิด เป็นชาจีนและชาญี่ปุ่น
ครั้งนี้ได้ลองชา 2 แบบ อย่างแรกคือ มัทฉะลาเต้ ซึ่งหลายคนอาจจะเคยทานจากร้านกาแฟต่างๆและชื่นชอบในรสชาติกัน แต่หลังจากได้มาลองที่ร้านนี้แล้วประทับใจในรสชาติมากครับ มัทฉะลาเต้ที่เราได้ทานกันบางที่อาจใส่น้ำแข็ง บางที่อาจจะปั่น แต่สำหรับที่นี่แล้วมัทฉะลาเต้ ไม่ได้ปั่นแต่ใช้ที่คนๆชาเอาดังภาพครับ ตัวชาเองมีความเย็นอยู่ระดับหนึ่ง ใส่ในแก้วชาขนาดใหญ่ที่แช่เย็นเพื่อรักษาความเย็นของชา ถ้วยชาที่เป็นเซรามิคก็เก็บความเย็นของถ้วยไว้ได้ดี เมื่อได้ลองทานมัทฉะลาเต้ที่นี่แล้ว อร่อยมากครับ รสชาติกลมกล่อมไม่หวานเกินไป
มัทฉะลาเต้ที่สั่งเป็นแบบยังไม่เข้มข้นมากครับ หากใครต้องการเข้มข้นมาก ลองสั่งแบบ Espresso ดูจะเข้มข้นขึ้นไปอีก เสียดายครั้งนี้ไม่ได้ลอง สำหรับมัทฉะลาเต้ปกติ ราคา 280 บาทครับ
มาลองขนมกันบ้าง หากใครชอบทานชาและอยากมีขนมด้วย ร้านนี้มีขนมขายอยู่ชนิดหนึ่งคือ ซากูระโมจิครับ ขนมโมจิแป้งสีชมพู ไส้ถั่วแดงที่ทำได้ละเอียดมาก ห่อด้วยใบโอบะ ซึ่งเวลาทานต้องทานใบด้วยนะครับ เมื่อทานครบทุกส่วนทั้งไส้ แป้ง และใบ จะได้รสชาติหวานมันเค็มนิดๆ ได้รสหวานเชื่อมๆอีกหน่อย อร่อยมาก แต่ไม่เหมาะทานคู่กับมัทฉะลาเต้นะครับ เพราะรสมันอาจจะตีกัน ราคา 95 บาท มีขายเฉพาะวันศุกร์ - อาทิตย์ ทำไว้ไม่เยอะนะครับ
มาลองกิน 1 ในเมนู Signature กันครับ คือ ชาเกียวคุโระครับ เป็นชาที่ดีที่สุด เป็น ceremonial grade ราคา 450 บาท เสิร์ฟเป็น 3 คอร์ส ชาที่มาทำต้องคลุมใบก่อนเก็บ 23 วัน ทำให้ใบมีสีเขียวสดจากการเร่ งสร้างคลอโรฟิลด์ เสริฟ์โดยเรียงขั้นตอน โดยแต่ละขั้นตอนคุณพนักงานจะให้ความรู้ไปด้วยครับ
แบบเย็น เตรียมด้วยน้ำเย็น จะต้องเอาน้ำออกจากใบให้ได้ จนหยดสุดท้าย ดูเป็นทั้งกุโศลบายให้รู้คุณค่า และเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำที่ เหลืออยู่ในชา ชงตัวมันเองทำให้รสเพี้ยน พอลองชิมพบว่าจะมีรสชาติ มันและเค็มเหมือนมี อะไรเคลือบลิ้น เป็นรสอูมามิที่แท้จริง
แบบร้อน รสชาติก็จะเค็มแต่มีรสขมเพิ่ มมาด้วย สีชาจะเข้มขึ้น
กินใบชา ซึ่งใส่ซอสเพื่ ่อตัดกับรสอูมามิ เมื่อทานใบชาแล้วเหมือนทานผักชิ้นเล็กๆครับ รสของซอสที่ใส่เพิ่มลงไปก็ทำให้ผักจิ๋วนี้อร่อยดี แต่ลองอมดูจะพบว่ามันมีหลายๆรสวนเวียนในปาก
ความเห็นเพิ่มเติม
สำหรับชาเกียวกุโระ ใครที่คิดว่าอยากดื่มชาหอมๆ รสเข้มๆ ดื่มง่าย อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไรครับ เพราะเนื่องจากรสชาติของชามีความเค็ม และให้ความรู้สึกเหมือนแกง แต่จากที่ได้ลองแล้วก็รู้สึกโอเค เพราะว่าในที่สุดก็ได้ทราบว่า รสอูมามิ ที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร และเหมาะมากหากใครอยากลองอะไรใหม่ๆ
ทานเสร็จแล้วลองเดินชมร้านกันครับ ชั้น 2 เป็นการตกแต่งแบบปูนเปลือย โทนสีเทามีที่นั่งเยอะกว่า เหมาะกับการนั่งสังสรรค์ ด้านล่างจะมี 2 โต๊ะกับ เคาท์เตอร์บาร์ ซึ่งเคาท์เตอร์จะเหมาะสำหรับคนที่อยากคุยและรับความรู้จากผู้ชงชาครับ รอบๆร้านจะมีอุปกรณ์ชงชาแต่ละชนิดที่จะเสิร์ฟตามชนิดชาที่เราสั่งให้ดูด้วยครับ
สรุป เป็นร้านชาที่มีความละเมียดละไม รสชาติดี โดยเฉพาะมัทฉะลาเต้หากมีโอกาสก็ไปลองดูกันนะครับ
ที่ตั้งของร้าน อยู่ริมถนนระหว่างเอกมัยซอย 2 กับ 4 สามารถจอดในซอย 4 หรือเดินจาก Big C มาได้ครับ