วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Hawker Chan @ Terminal 21 ไก่ซีอิ๊วมิชลิน 1 ดาว จากสิงคโปร์ ในราคาสบายกระเป๋า (Update 12/7/17)

ในปัจจุบัน เวลาเราอยากจะทานอาหาร ก็อาจจะหาตามเวปไซท์แนะนำอาหารดังๆต่างๆว่าจะทานอะไรดี นอกจากคำแนะนำตามเวปไซท์แล้ว สิ่งที่หลายๆคนอาจจะใช้เป็นตัวช่วยเลือก ก็คือตรารับรองต่างๆ ถ้าพูดถึงประะเทศไทยก็คงเป็น รุ่นแรกๆก็คงเป็น เชลล์ชวนชิม, เปิปพิศดาร เป็นต้น แต่ในปัจจุบันก็มีตรารับรองความอร่อยเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ประเทศไทยของเราก็มีการเปิดตัว ตรารับรองอาหารระดับสากล นั่นก็คือ มิชลินสตาร์นั่นเอง ซึ่งรายละเอียดมิชลินสตาร์ เราก็ได้เคยกล่าวไปแล้วคร่าวๆ ในเนื้อหาก่อนๆ แต่ลองมาพูดคุยกันเรื่องนี้ซักเล็กน้อยครับ

มิชลินสตาร์ นี่ถือว่าเป็นแคมเปญที่ดีของบริษัทยางรถยนต์มิชลินนะครับ เพราะใครจะคิดว่าผู้ผลิตยางจะมารีวิวอาหาร แต่จริงๆมันก็มีความเกี่ยวโยงกันนะ เช่น หาร้านอร่อยที่ต่างๆทั่วประเทศ ก็ทำให้ลูกค้าขับรถไปที่เหล่านั้น ยางจะได้สึกและเปลี่ยนใหม่เป็นต้น ในขณะเดียวกันพอมีการพูดชื่อมิชลินบ่อยๆ ก็ทำให้เป็นชื่อติดปาก และเป็นแบรนด์ที่นึกขึ้นได้อันดับต้นๆในใจ เกี่ยวกับยางรถยนต์เป็นต้น

ซึ่งการรับรองคุณภาพอาหารนั้น ทางมิชลินจะให้คะแนนร้านต่างๆเป็นดาว  โดยมี 3 ระดับ หรือ 3 ดาวนั่นเอง โดย
- ระดับ 1 ดาว : เป็นร้านอาหารที่ดี
- ระดับ 2 ดาว : เป็นร้านอาหารที่ดีมาก ควรลอง
- ระดับ 3 ดาว : เป็นร้านอาหารที่ยอดเยี่ยม แม้จะแค่ซื้อตั๋วเครื่องบิน เพื่อไปชิมแล้วกลับก็คุ้มแล้ว

นอกจากดาวแล้วก็มีแบบแนะนำเฉยๆก็มีนะครับ แต่ถ้าได้ดาวแล้วถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของอาหารที่มีคุณภาพและการใส่ใจ พิถีพิถันในทุกขั้นตอนเป็นอย่างดี

ซึ่งอาหารที่ทำอย่างพิถีพิถัน หรือพวก Delicacy, Slow Food แน่นอน นอกจากจะใช้วัตถุดิบชั้นดีแล้ว ความพิถีพิถันต่างๆก็ต้องคุมเข้มเป็นอย่างมาก ดังนั้นทำให้ต้นทุนในการดำเนินการนั้นสูง เพื่อตอบแทนความตั้งใจของเชฟร้านเหล่านั้น จึงไม่แปลกที่ถ้าพูดคำว่ามิชลินสตาร์ ใครๆที่ได้ยิน จะคิดออกมาในแว่บแรกว่า "แพง" ซึ่งร้านส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้นครับ แต่ก็มีบางร้านที่ราคาไม่ถือว่าแพงมาก และพอจะทานได้โดยไม่รู้สึกว่าสิ้นเปลืองนัก วันนี้เราก็อยากจะมาแนะนำร้านเหล่านั้น  วันนี้ยกตัวอย่างร้านที่เพิ่งมาเปิดสดๆร้อนๆ คือ Hawker Chan ครับ แต่สาขาที่มาเปิดไม่ได้มิชลินนะครับ สาขาที่ได้คือที่สิงคโปร์ แต่เราก็จะได้สัมผัสถึงรสชาติและสูตรอาหารที่ใกล้เคียงกัน

Image may contain: food

ป้ายหน้าร้านครับ


เป็นร้านที่ได้รับรองจากมิชลิน สิงคโปร์ครับ ตอนนี้มาเปิดที่ประเทศไทยที่ เทอมินัล 21 ชั้น 5 ก่อนหน้านี้เป็น Soft Opening และจะเปิดเต็มรูปแบบ 23/6/60 ครับ  มาชมเมนูของทางร้านก่อนว่ามีอะไรให้ทานบ้าง

No automatic alt text available.


รูปแบบร้าน เป็นเหมือน cafeteria สั่งอาหารที่เคาท์เตอร์และจ่ายเงินเลยครับ จากนั้นก็จะได้บัตรคิวรอเรียก แต่ก็ต้องรอหน่อยนะครับ ส่วนที่นั่งขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายมา ที่นั่งค่อนข้างเยอะ และอาจจะเบียดหน่อย ได้อารมณ์ Street Food ของต้นตำรับ และทำให้การใช้เวลาทานไม่นานเกินไป การหมุนของโต๊ะจึงรวดเร็ว


ระหว่างรอก็ชมวีดีโอเรื่องราวของร้าน และการทำไก่สูตรพิเศษ





ส่วนอาหารขึ้นชื่อของร้านนี้ คือ ไก่ต้มซีอิ๊วครับ เป็นสูตรแบบฮ่องกง ที่ขายที่ร้าน เหลี่ยวฟาน ในสิงคโปร์ โดยเชฟ Chan Hon Meng (ชานฮนเมง) ครับ แต่ก็หมูแดงหมูกรอบด้วยเช่นกัน แต่ถ้าได้ทานครั้งแรกก็ควรลองไก่ต้มนะครับ มาลองชมภาพอาหารที่ได้ลองกันนะครับ


ระหว่างรอคิวก็เห็นเชฟ Chan Hon Meng มาดูความเรียบร้อยด้วยครับ เสียดายอยู่ในคิวเลยไม่ได้ไปถ่ายรูปใกล้ๆ


ภาพบรรยากาศในร้านจะเป็นแนว Canteen ใช้เวลาทานกันไม่นาน คิวจึงไม่ยาวครับ การหมุนของโต๊ะค่อนข้างเร็ว




มาถึงส่วนของอาหาร

1. ข้าวไก่ซีอิ๊ว : เป็นเมนูที่ถือว่าราคาไม่แพง ถ้าเทียบกับอาหารในห้างครับ 88 บาท ให้ข้าวมาเยอะมากครับ ถ้าเป็นผู้หญิงมากัน 2 คน อาจจะแบ่งกันอิ่มพอดี ส่วนข้าวจะมีน้ำราดหวานกำลังดี กลมกล่อม 


2. ก๋วยเตี๋ยวไก่ซีอิ๊ว น้ำราดจะเข้มข้นขึ้นมาหน่อย 100 บาท



หลังจากที่ได้ทานไก่แล้ว รสชาติมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เนื้อแน่นนุ่ม ชุ่มซีอิ๊วครับ รสชาติกำลังดีไม่หวานแหลมเกินไป ถ้านำไปทานกับที่ครอบครัว ซื้อเป็นตัวกลับไปถือว่าคุ้มค่าครับ

3. ถั่วงอกผัดกระเทียม เป็นออเดิร์ฟทานเล่น อร่อยดีมีโรยกระเทียมเจียวด้านบน น้ำมันค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าไม่กังวลเรื่องน้ำมันก็อร่อยดีครับ

.
4. เกี๋ยวน้ำ เกี๋ยวที่อัดแน่นด้วยเนื้อหมู น้ำซุปรสชาติกำลังดีครับ 118 บาท


5. ใครที่คิดว่าผักไม่พอก็สั่งผักราดซอสตามฤดูกาลครับ ช่วงเป็นเป็น กวางตุ้ง 90 บาท น้ำราดหวานไปหน่อยแต่ก็โอเค


เครื่องดื่มที่ลองเป็นเก๊กฮวยหอมหมื่นลี้ครับ ก็หอมดี แช่เย็นมาแล้วไม่ต้องใส่น้ำแข็งเพราะรสไม่หวาน ดื่มเลยน่าจะได้รสกว่า 40 บาท


มีน้ำจิ้มให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นซีอิ๋วถั่วเหลือง หวาน และน้ำจิ้มเปรี้ยว แก้เลี่ยนได้เป็นอย่างดีครับ




ก็เป็นไอเดียคร่าวๆนะครับ สำหรับใครที่อยากหาอะไรทานดี ร้านนี้ก็น่าสนใจครับ แต่ถ้ามาทานตอนพักกลางวันอาจจะเสี่ยงหน่อยเนื่องจากคนค่อนข้างเยอะ คิวพอสมควร แต่การหมุนของโต๊ะค่อนข้างเร็วเนื่องจากรูปแบบร้านเป็นเหมือน Canteen ตามที่ได้เล่าในข้างต้น แต่ก็มาลองกันได้ครับ ถือว่าเป็นประสบการณ์กับร้านอาหารที่มีมาตรฐานมิชลินมาเกี่ยวเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น