วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2562

Baannai The Reminiscence บ้านใน ชีวิตเนิบช้าริมทางรถไฟสามเสน กับบ้านไทยทรงโคโรเนียลที่น่าคิดถึง

ในความคิดของเรา ย่านสามเสน ในช่วงสุดสัปดาห์ เป็นย่านที่เงียบสงบและชวนให้รำลึกวันเวลาเก่าๆ ยิ่งแถวสถานีรถไฟสามเสนก็ยิ่งให้ความรู้สึกนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกเลยที่เราจะพบร้านอาหารที่ให้ความรู้สึกถึงวันเก่าๆอยู่มากมาย เรียงรายอยู่ตามถนนเส้นนี้  ประมาณ 1-2 ปีก่อน ได้มีโอกาสรับรองแขกชาวต่างชาติ ซึ่งแน่นอนก็ต้องให้เค้าได้ลองอาหารไทยครับ

เรามีโอกาสทานร้าน บ้านใน ซึ่งถือว่าเป็นอาหารไทยโบราณที่มีเมนูที่หาทานได้ยากมากมาย ร่วมไปกับบรรยากาศของตัวบ้านแบบทรงโคโรเนียลที่ชวนให้นึกอดีตและจินตนาการถึงวิถีชีวิตของคนยุคก่อน มันคงมีความสุขไม่น้อยเลย

เราได้กลับมาที่ร้านอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ร้านมีอะไรเพิ่มเติมเล็กน้อย นั่นคือ ป้าย Michelin ที่หน้าร้านครับ ทั้ง 2018 และ 2019 เลย ซึ่งรางวัลที่ทางร้านได้รับคือ Bib Gourmand ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา ซึ่งเอาตามจริงก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ร้านจะได้รับรางวัลมิชลินนี้ เพราะแม้ราคาอาหารอาจจะสูงกว่าอาหารไทยทั่วไป แต่คุณภาพและวัตถุดิบที่เค้าใช้นั้นมีคุณภาพดีทั้งสิ้น รวมไปถึงการมีอัธยาศัยที่ดีที่พร้อมจะต้อนรับแขกของเจ้าของร้านทำให้ร้านนี้มีสเน่ห์อย่างยิ่งสำหรับแขกประจำและขาจรครับ






บ้านใน ได้รับการเสริมสวยให้กลับมาโดดเด่นเล่นมีชีวิตชีวาอีกครั้งโดยหลานสาวของเจ้าของบ้านครับ เจ้าของร้านเดิมเป็นคุณยายสาวโสด 3 คนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนจะแทนบุคลิกด้วยดอกไม้ คือ มะลิซ้อน กุหลาบ และเบญจมาศ โดยจะมีภาพวาดของทั้ง 3 ท่านอยู่ภายในร้านด้วย และด้วยเหตุนี้เองทำให้บ้านนี้มีห้องนอน 3 ห้อง และทางร้านก็เปิดเป็นโรงแรม โดยปรับปรุงห้องของคุณยายทั้ง 3 เป็นโรงแรม ให้แขกที่หลงรักบรรยากาศแบบโคโรเนียล และเสียงวู้ดรถไฟ ได้เข้าพักครับ ในรีวิวนี้ไม่ได้พาชม เพราะแขกเข้าพักเต็มทุกห้องเลย เนื่องจากทางร้านมีบริการรับจัดเลี้ยงงานแต่งด้วยนะครับ ใครชอบบรรยากาศแบบนี้แนะนำอย่างยิ่งเลย จุได้ประมาณ 70 ท่าน


เกริ่นมาเยอะ เราก็มาถึงโต๊ะแล้วชมบรรยากาศรอบๆ



เดินมาอีกนิดมีจะเป็นโซนที่มีภาพเก่าๆที่เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบ้านและเจ้าของครับ รวมไปถึงภาพวาดของคุณยายทั้ง 3 ด้วย  มีคนเล่นเปียโนให้ฟัง เป็นเพลงเก่า สามารถขอเพลงได้ ซึ่งเพลงเก่าๆเหล่านั้นช่วยเพิ่มบรรยากาศได้เป็นอย่างดี ทั้งเพลงไทยและสากล







ด้านบนเป็นห้องพักครับ เสียดายมีแขก จึงไม่ได้ขึ้นไป


ใครอยากได้ห้องส่วนตัวก็มีห้องนี้ครับ เก๋มากใช้หน้าต่างบานเก่ามาตกแต่ง เป็นการเก็บรักษาของเก่าที่ข้ามกาลเวลาได้เป็นอย่างดี


นอกหน้าต่างก็มองเห็นสวน


แสงแดดอ่อนๆก่อนลอดผ่านเข้ามายังโต๊ะ เป็นแดดที่ไม่แรงและไม่ร้อนเกินไป


มาเริ่มต้นทานอาหารของวันวานกันครับ พูดถึงอาหารโบราณ เมนูแรกๆ ก็ต้อง 

แตงโมกับปลาแห้ง นี่แหละ เป้นภูมิปัญญาคนโบราณที่ยอดเยี่ยม ที่สร้างรสอาหารที่ซับซ้อนขึ้นมา แตงโมที่แช่เย็นชื่นใจ เนื้อชุ่มไปด้วยน้ำหวานๆ ตัดรสไม่ให้หวานเกินไปด้วยความเค็มจากเกลือ และรสกรุบกรอบจากปลาแห้ง ทำให้อาหารมีรูปแบบที่น่าสนใจ เป็นของว่างสร้างความสดชื่นในตอนบ่ายที่ยอดเยี่ยม


ข้าวผัดรถไฟ ไหนๆ เราอยู่ใกล้รางรถไฟแล้วก็ต้องลองซะหน่อย คือข้าวผัดที่หอมซีอิ๋วดำทานเพลินๆ


ยำใหญ่ จากที่ได้เรียนมาในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน 
"ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ" ตอนเด็กๆ แน่นอนเราอาจจะไม่อยากลองเท่าไร ในตอนเด็ก อาจจะเพราะต้องท่องอาขยานเหล่านี้ให้ขึ้นใจเลยกลายเป็นพาลไม่ชอบ แต่เมื่อโตขึ้นเรามักเห็นคุณค่าทั้งบทกวี และมรดกไทย และอยากที่จะลองดู วันนี้ก็ได้มาลองแล้วครับ ยำใหญ่ใส่สารพัดจริงมีวัตถุดิบมากมาย รสชาติเข้มข้น มีแตงร้านฝานบางๆเพิ่มความกรุบกรอบ รสน้ำยำที่แค่จินตนาการก็น้ำลายสอแล้ว


ต้มข่า เมนูนี้อาจจะหาได้ทั่วไปครับ แต่เมื่อลองซบน้ำแกงครั้งแรก รสชาติมันมีความเข้มข้น และมีความซับซ้อนกว่าต้มข่าไก่ที่เคยกินทั่วไป ซึ่งแบบทั่วๆไปก็ถือว่าอร่อยแล้ว แต่สำหรับที่นี่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เพิ่มความอร่อยขึ้นไปอีก แต่ด้วยความที่ไม่ชำนาญด้านเครื่องเทศหรืออาหารไทยนักเลยไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร



ข้าวชาร์โคล หุงมานุ่มๆและมีสีสวยงาม เหมาะกับคนรักสุขภาพด้วย


น้ำพริกปลาทู  คนไทยในอดีต น้ำพริกเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างยิ่งในมื้ออาหาร น้ำพริกที่นี้ก็เข้มข้นดี ปลาทูไม่มันเกินไป เหมาะกับคนรักสุขภาพ


ปิ่นโตชาวเหนือ รวมอาหารชาวเหนือต่างๆมาในปิ่นโตให้ได้ทานแก้คิดถึง น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง ข้าวเหนียวต่างๆมาครบครับ Present ออกมาได้น่ารัก ผ่านปิ่นโต





ปิดท้ายด้วย ขนมพระพาย ขนมไทยโบราณหาทานได้ยาก ราดด้วยน้ำกะทิ ตัวขนมต้องนึ่งเอาไม่ใช่ต้มเลยต้องใช้เวลาหน่อย ซึ่งเนื้อสัมผัสจะนุ่มภายในมีไส้ถั่ว คล้ายบัวลอยใส่ไส้ในปัจจุบัน มักทานในงานมงคล รสชาติกลมกล่อมไม่หวานเกินไป ผู้ใหญ่ทานดีครับ



ก็เป็นอันเสร็จสิ้นมื้ออาหารที่ชวนให้คิดถึงอดีต กับร้านบ้านในครับ ราคาอาหารอาจจะสูงกว่าอาหารไทยปกติทั่วไปที่เราทานกัน แต่ก็ต้องพิจารณาในเรื่องของวัตถุดิบ การอนุรักษ์รูปแบบของอาหารให้ใกล้เคียงกับรูปแบบดั้งเดิมจึงถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล และเหมาะอย่างยิ่งกับการต้อนรับเพื่อนชาวต่างชาติให้สัมผัสกลิ่นไอ การนั่งทานอาหารแบบเหมือนอยู่ในบ้านไทยโบราณจริง ที่แสนจะสงบและผ่อนคลาย

สรุป  
ร้าน : บ้านใน
สถานที่ : ติดทางรถไฟสามเสน
เมนู :  อาหารไทยโบราณต่างๆ ที่น่าลองเพิ่มคือ พระรามลงสรง ม้าฮ่อ เมี่ยงส้มโอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น